วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ภาพเปรียบเทียบระหว่าง EBL, SBL, RBL และ FBL


ตุ๊กตา Blythe ที่ผลิตโดย Takara

ภาพเปรียบเทียบระหว่าง EBL, SBL, RBL และ FBL

EBL Excellent Blythe (Piccadilly Dolly)SBL Superior Blythe (Rainy Day Parade)
Piccadilly Dolly
Excellent Blythe – EBL
Rainy Day Parade
Superior Blythe – SBL
Radiance Blythe Type [RBL]Fairest Blythe - FBL
Primadolly Aubrey
Radiance Blythe – RBL
Bloomy Bloomsbury
Fairest Blythe – FBL

BL-Type Blythe:

ในช่วงปี 2001-2002 Neo Blythe ได้ผลิตออกมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นตุ๊กตาที่มีอิทธิผลต่อแวดวงแฟชั่น ด้วยบอดี้แบบตุ๊กตา Licca ตุ๊กตา 6 ตัวแรกที่ปฏิวัติตุ๊กตารูปแบบเดิมๆ ด้วยลูกตาที่มีความแวววาว และพื้นผิวหน้าที่อ่อนนุ่ม หลังจากนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตา พร้อมกับแต่งแปลือกตาให้มีความกระจ่างชัดเจนขึ้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนสีผิวหน้าให้มันวาวขึ้นด้วยโดย เช่นรุ่นดังต่อไปนี้
  • BL-0 Parco Limited
  • BL-1 Mondrian
  • BL-2 Hollywood
  • BL-3 Rosey Red
  • BL-4 All Gold In One
  • BL-5 Kozy Cape Inspired
  • BL-6 Aztec Arrival Inspired
  • BL-7 Sunday Best
  • TRU-EX Dotty Dot
Note: There are different releases for BL-1 Mondrian and BL-2 Hollywood respectively.

EBL-Type Excellent Blythe:

ในปี 2003 Takara เฉลิมฉลองวันครบรอบ 1 ปีแรกของ Blythe ด้วยการเปิดตัว Excellent Blythe ที่มีรูปแบบใกล้เคียงกับต้นแบบเดิมของ Kenner จะต่างกันก็ตรงวัสดุ ยกตัวอย่างเช่น รุ่น Cinnamon Girl ที่ผลิตขึ้นจากพลาสติกและยางสีเข้ม มีความโปร่งใสมันวาว จนมาถึงรุ่น Fruit Punch และพลาสติกที่ใช้ทำลูกตาจะเป็นโทนสีสว่างขึ้น (หลังจากที่หยุดผลิต EBL Dolls Takara ก็ได้ปล่อยตุ๊กตา Blythe รุ่นใหม่คือ Margaret Meets Ladybug และ Samedi Marche ออกมาตีตลาดของเล่นอีกอย่างต่อเนื่อง) ตุ๊กตา blythe แบบ EBL-Type ได้แก่
  • Miss Anniversary Limited (623 pieces)
  • EBL-01 Bohemian Beat
  • EBL-02 Asian Butterfly
  • BL-03 Piccadilly Dolly Limited
  • EBL-04 Skate Date
  • EBL-05 Rouge Noir
  • EBL-06 Excellent Hollywood
  • EBL-07 Cinnamon Girl
  • TRU-EX2 Cherry Berry
  • EBL-08 Tea For Two
  • EBL-09 Disco Boogie
  • EBL-10 Mission
  • EBL-11 Bohemian Beats Again
  • Miss A2 Courtney Tez by Nike (2003 pieces)
  • TRU-EX3 Fancy Pansy
  • EBL-12 Fruit Punch
  • TRU-EX5 Very Cherry Berry
  • EBL-13 Samedi Marche
  • Margaret Meets Ladybug (LE 3000)
เปรียบเทียบตาของ น้อง บลายธ์ แบบ EBL และ SBL
เปรียบเทียบตาของ น้อง ไบลธ์ แบบ EBL และ SBL (Click ที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่)

SBL-Type Superior Blythe

ในปี 2004 – ปัจจุบัน SBL ยังคงอิง Blythe ต้นแบบดั้งเดิมของ Kenner( 1972 ) มากที่สุด แต่รูปแบบนั้นเปลี่ยนใหม่หมด เริ่มจากการยกเครื่องเปลี่ยนตั้งแต่ใบหน้า ไปจนถึงโครงสร้างภายใน ไม่ว่าจะเป็นลูกตาที่มีความแวววาวขึ้น รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆที่ประกอบอยู่ด้านหลังก็ถูกทำให้ดูสมูทขึ้น พร้อมกับเพิ่มชิ้นส่วนใหม่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อเพิ่มน้ำหนักและความทนทานมากขึ้นด้วย เช่นรุ่นดังต่อไปนี้
Compare Blythe SBL and EBL Tea for Two
Left: SBL Tea For Two Encore; Right: EBL-08 Tea For Two
Compare Blythe SBL and EBL Rosie Red
Left: SBL Rosey Red Encore; Right: EBL-03 Rosey Red

RBL-Type Radiance Blythe:

ในปี 2006 Radiance Blythe ถูกผลิตขึ้นมาตีตลาดอีกครั้ง ภายใต้บอดี้ที่เหมือนกับ SBL และ EBL แต่แตกต่างกันที่ ตรงส่วนโค้งของเปลือกตา ที่ดูลึกและมีมิติขึ้นดูได้จากรุ่นดังต่อไปนี้
**LE 3000 – CWC Limited Edition 3000 pieces
**LE 3100 – CWC Limited Edition 3100 pieces
**LE 4000 – CWC Limited Edition 4000 pieces
**TRU-EX – Japan Toys R Us Exclusive

Neo Blythe ที่ผลิตในช่วงปลายปี 2008 (หลัง Neo Blythe “Matryoshka Maiden” ) จนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็น Face Mold แบบ Radiance เกือบทั้งหมด ยกเว้น 
Bloomy Bloomsbury , Prima Dolly TokyoLondon และ Paris ซึ่งเป็น Fairest Face Mold

FBL (Fairest)

FBL เป็น Face Mold แบบล่าสุด ซึ่งก็จะใช้กับ Neo Blythe “Bloomy Bloomsbury” ที่วางจำหน่าย ในเดือนมีนาคม 2009 เป็นรุ่นแรกคะ
อ่านต่อ » Neo Blythe – “Fairest” Face Mold

Blythe ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา โดย Hasbro

ADG (Ashton Drake Galleries)

Blythe- ADG รุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาโดย Hasbro ร่วมกับ Ashton Drake Galleries เพียงแต่ว่า ตุ๊กตาที่ผลิตออกมานั้นเป็นรุ่นคล้ายกับที่เคยผลิตโดย Takara, Japan โดยทำการ re-production ของตุ๊กตาที่เคยผลิตในปี 1972 จาก Kenner ตุ๊กตา ADG Blythe มีจัดจำหน่ายได้แก่รุ่น
  • Love N Lace (Redhead Blythe without bangs)
  • Pretty Paisley (Platinum Blonde Blythe without bangs)
  • Priceless Parfait (Brunette Blythe without bangs)
  • Golden Goddess (Brunette Blythe with bangs)
  • Medieval Mood (Dark Brunette with bangs)

Vintage Blythe

Kenner Blythe

Kenner Blythe หรือ Vintage Blythe ที่วางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็เป็นต้นแบบของตุ๊กตา Blythe ปัจจุบัน ที่นำมาผลิตใหม่โดยทั้ง Takara และ Hasbro ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1972

Ai Ai Chan

Ai Ai Chan ก็จะเป็น Blythe ที่ผลิตในช่วงปี 1972 เช่นเดียวกับ Kenner Blythe แต่จะเป็นชื่อที่ใช้เรียก เมื่อมีการผลิตจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น
เครดิต:blythethailand.com

ประวัติตุ๊กตาบลายธ์


Blythe Vintage doll by Hasbro

Who’s that Girl ?

Blythe อ่านออกเสียงว่า ‘ Blahyth ‘ (ไบลธ์) เธอคือตุ๊กตาวินเทจเจ้าเสน่ห์ที่ถูกออกแบบขึ้นในปี 1972 โดยโรงงานผลิตของเล่นในสหรัฐ ฯ นามว่า Kenner ภายใต้ concept ที่อยากสร้างเอกลักษณ์ ความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับตุ๊กตา ดังนั้นโมเดลตุ๊กตาทั้ง 4 แบบ ชื่อ Blythe , Karess , Willow และ Skye จึงถูกคิดค้นขึ้นมา หลังจากนั้น Kenner ได้ว่าจ้างดีไซเนอร์นักออกแบบของเล่นอย่าง Allison Katzman จาก Marvin Glass & Associates หนึ่งในสตูดิโอออกแบบของเล่นที่สำคัญ และมีชื่อเสียงที่สุดในโลกให้ดีไซน์ปลุกปั้นตุ๊กตา Blythe ฉบับออริจินัลขึ้น แล้วนับแต่นั้นมา เด็กๆทั้งหลายก็ได้รู้จักกับของเล่นชิ้นใหม่ชิ้นนี้

Kenner Blythe Poster

Blythe by Kenner

ปี 1972 Blythe ซึ่งออกแบบโดย Alison Katzman ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับทรงผมยอดฮิตในยุค 70s ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี 4 แบบ พร้อมด้วยแฟชั่นเครื่องแต่งกายสไตล์วินเทจที่มีให้ Mix & Match กว่า 12 ชุด ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกนั้น ถูกออกแบบขึ้นมาอย่างโดนเด่น ด้วยดวงตากลมโตที่สามารภเปลี่ยนสีได้ 4 สีทั้ง เขียว ชมพู ส้ม และน้ำเงิน เพียงแค่ดึงห่วงที่อยู่หลังศีรษะ แต่กลับทำให้มันกลายเป็นตุ๊กตาตัวแรกของโลกที่เด็กๆพากันหวาดกลัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Blythe ไม่เป็นที่นิยม จนมีเหตุให้ต้องปิดตัวลงหลังจากที่ออกวางขายในตลาดได้แค่เพียง 1 ปีเท่านั้น

Gina Garan

30 ปี ต่อมา จากตุ๊กตาเด็กเล่นที่ครั้งหนึ่งคือสินค้าเหลือค้างสต๊อก มาบัดนี้มันกลายเป็นตุ๊กตาหายาก ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสมเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่เพื่อนสนิทของ Gina Garan (โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกัน ) ได้มอบตุ๊กตา เป็นของขวัญให้ เธอก็ตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง เริ่มพามันเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเกือบทุกมุมโลก ขณะเดียวกัน เธอก็เริ่มฝึกถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบให้เธอได้บันทึกภาพความประทับใจเก็บไว้กว่า 100 รูป จนถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายสุดสวย ( Chronicle Books ) ชื่อ ‘ This is Blythe ‘ รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่มในปี 2001 พร้อมกับนิทรรศการแสดงภาพถ่าย ที่ทำให้ชื่อของ Gina’s Gallery โด่งดังไปทั่วโลก

The Japanese Blythe

หลังจากที่ Hasbro (ผู้สืบทอดกิจการจาก Kenner )ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้กับบริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น Blythe ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา TV ให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่างParco และเพียงชั่วข้ามคืนมันก็กลายเป็นตุ๊กตายอดนิยม ส่งผลให้ราคาประมูล Blythe บนเว็บ eBAY ดีดตัวพุ่งสูงขึ้นจากเดิม $35 เป็น $350 ทันที รวมถึง Neo-Blythe บนเว็บประมูลของ Yahoo ก็ขายหมดเกลี้ยงสต๊อกถึง 4 ครั้งด้วยกัน แต่ตัวที่มีราคาแพงและหายากที่สุดก็คือ Blythe คอลเลกชั่นวินเทจ ซึ่งสนนราคาอยู่ที่ตัวละ 1,000 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือ PARCO Holiday TVCF campaign airs !! CWC Limited Edition : PARCO Limited, June 2001
กระแส Blythe fever ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ เพราะหลังจากที่ Gina กับ Junko Wong (โปรดิวเซอร์ชาวญี่ปุ่น ) ได้ร่วมมือกันจัดนิทรรศการต่างๆที่เกียวกับ Blythe ขึ้น ก็ได้รับความสนใจจากคนในแวดวงแฟชั่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงาน Annual Blythe Charity Fashion Show ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ภายในงานได้มีการระดมพลสุดยอดดีไซเนอร์ฝีมือดีของห้องเสื้อแบรนด์เนมชื่อดังจากทุกมุมโลกอย่าง John Galliano , Prada , Gucci , Vivienne Westwood , Issey Miyake , Versace , Sonia Rykiel ฯลฯ มาร่วมกันออกแบบเสื้อผ้าตัวจิ๋วให้กับเหล่านางแบบ Blythe ได้สวมเดินเฉิดฉายอยู่บนแคตวอล์กกลางกรุงโตเกียว

ตารางแสดง blythe รุ่นแรกๆ ที่ผลิตโดย Takara(click ที่รูปเพื่อดูภาพใหญ่ได้นะคะ)

Blythe Table Header
Blythe Parco and Mondrain
Blythe Hollywood and Rosie Red
Blythe All Gold in One and Kozy Kape Inspired
Blythe Aztec Arrival Inspired and Sunday Best
Blythe Dottie Dot and Miss Anniversary Limited
และในปี 2001 Takara ได้รับหน้าที่แปลงโฉม Blythe ให้ดูโดนเด่นขึ้นด้วยขนาดตัว 11 นิ้ว พร้อมกับชื่อใหม่ว่า “Neo Blythe” และนับแต่นั้นมา ก็มีคอลเลกชั่นต่างๆของ Neo Blythe เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Blythe ตัวแรก Parco Limited Edition (1,000 ตัว) ที่ขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ตามมาด้วยคอลเลกชั่น MondrianRosie RedHolly WoodAll Gold in OneKozy Kape inspiredAztec Arrival inspiredSunday Best และ Miss Anniversary Blythe ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นพิเศษ ที่ทำขึ้นเพื่อเป็นการฉลองวันเกิด ครบรอบ 1 ปี ของ Neo Blythe
Petite Blythe
และยังมีเซอร์ไพรสให้กับ ์เหล่านักสะสมตุ๊กตาทั้งหลายด้วยการเปิดตัว Blythe สายพันธ์ใหม่นามว่า “Petite Blythe” ด้วยขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดเพียง 4 1/2 นิ้ว แม้ว่าจะมีสีตาให้เลือกเพียงสีเดียว แต่มันสามารถขยับเปลือกตาขึ้น-ลงได ้พร้อมๆกับการดัดบอดี้ส่วนต่างๆให้ดูมี Movement เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคอลเลกชั่นที่ถือว่าโดดเด่น และได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Perfect Petite Series Blythe Dolls ที่ประกอบไปด้วย Asian ButterflyPaisley Star และ Cosmo Afternoon ปิดท้ายด้วยการเปิดตัว Blythe Belle ตุ๊กตาพีวีซีที่จำลอง และย่อส่วนขนาดของ Blythe ให้เหลือเพียงแค่ 3 นิ้วเท่านั้น